Breaking News
recent

ตีนเป็ด/พญาสัตบรรณ


ตีนเป็ด/พญาสัตบรรณ 



ต้นตีนเป็ด หรือ นิยมเรียก พญาสัตบรรณ เป็นไม้โตเร็ว ลำต้นสูงใหญ่ นิยมปลูกเป็นไม้มงคล และไม้ประดับ ให้ใบดกเป็นร่มเงา ดอกมีกลิ่นหอมแรงมากถึงฉุน เนื้อไม้นำมาแปรรูปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน อาทิ เก้าอี้ โต๊ะ ไม่ตะเกียบ เป็นต้น แต่ไม่นิยมทำเป็นไม้ก่อสร้าง เนื่องจากไม่คงคงทน เนื้อไม้มีความหนาแน่นต่ำ


• ชื่อวิทยาศาสตร์ : (Alstonia scholaris (L) R.Br.)
• วงศ์ : Apocynaceae
• ชื่อสามัญ : Dita, Shaitan wood, Devil Tree
• ชื่อท้องถิ่น :
– ตีนเป็ด
– ตีนเป็ดขาว
– พญาสัตบรรณ
– หัสบรรณ หัสบัน
– จะบัน
– บะซา
– ปูลา
– ปูแล

ไม้ในสกุลเดียวกันกับตีนเป็ดที่พบในไทยมีหลายชนิด มีลำต้น และใบที่คล้ายกัน เช่น
– ตีนเป็ดเล็ก (Alstonia angustiloba)
– ตีนเป็ดพรุ/ตีนเป็ดน้ำ (Alstonia pneumatophora)
– เที๊ยะ (Alstonia spathulata)

การกระจายพันธุ์
ต้นตีนเป็ด/เป็นพืชท้องถิ่นในเขตร้อน พบได้ในประเทศอินเดีย จีนตอนใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปในทุกภาค เป็นไม้ที่ชอบความชื้นสูง ดินระบายน้ำดี พบมากบริเวณใกล้แหล่งน้ำในป่าเบญจพรรณ หรือชายป่าพรุ ไม่พบในป่าเต็งรังหรือบริเวณที่สูง (ส่วนปลูกป่าภาคเอกชน, 2544)(1)


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1. ลำต้น
ต้นตีนเป็ด/พญาสัตบรรณ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 35-40 เมตร ต้นอายุน้อยมีเรือนยอดเป็นรูปเจดีย์ทรงแบนเมื่อต้นใหญ่เต็มที่ โคนจะเป็นพูพอนขยายใหญ่ ลำต้นมีร่องตามแนวยาวของความสูง เปลือกมีสีเทาอมเหลือง หรือสีน้ำตาล เมื่อถาดเปลือกออกจะมีสีขาว เปลือกชั้นในสีน้ำตาลมีน้ำยางสีขาวไหลมาก เนื้อไม้ และกิ่งเปราะหักง่าย เนื้อไม้เรียบ แตกเป็นร่องง่าย กิ่งที่แตกออกมีรอยแตก เพื่อใช้แลกเปลี่ยนอากาศ


เนื้อไม้ต้นตีนเป็ดมีสีขาวอมเหลือง แตกเป็นเสี้ยนตรงตามแนวยาว เนื้อหยาบเหนียว เนื้อไม้อ่อนไสกบง่ายมาก

2. ใบ
ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงเป็นวงรอบกิ่ง วงละ 5-8 ใบ ก้านใบยาว 1.5-3 ซม. แผ่นใบเหนียวเหมือนหนังคล้ายใบต้นดอกรัก แผ่นใบรูปรีถึงรูปหอก ปลายใบแหลม และมีติ่งเล็กน้อย ขอบ และผิวใบเรียบ ใบอ่อนมีสีด้านบน และด้านล่างใกล้เคียงกัน ใบแก่มีใบด้านบนสีเขียวเข้ม ส่วนด้านล่างใบมีสีขาวนวล มีเส้นใบมาก มองเห็นชัดเจน เส้นใบกางออกเป็นมุมฉากกับเส้นกลางใบ


3. ดอก
ดอก ออกเป็นดอกช่อ ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่ง มีก้านดอกหลักยาว 3-8.5 เซนติเมตร ก้านดอกย่อยยาว 1 มม. ดอกมีขนาดเล็ก ที่เป็นกลีบดอกรูปไข่ มีหยักเว้า ขนาด 1-1.9 x 1.5-2.3 มม. สีขาวหรือเหลืองอมเขียว ปลายดอกอาจแหลม และแบบมน มีขนนุ่มปกคลุม ปากท่อด้านในดอกมีขนยาวปุกปุย เกสรตัวผู้อยู่บริเวณกลางวงท่อกลีบดอก อับเรณูเกสรตัวผู้มีขนนุ่มปกคลุม ยาว 1.1-1.5 มม. เกสรตัวเมียมีขนาด 2.8-5.2 มม. ดอกเริ่มบานประมาณเดือนตุลาคม-ธันวาคม เมื่อดอกบาน 1-2 วัน จะส่งกลิ่นหอมแรงมาก หากดมมากบางคนอาจวิงเวียนศรีษะได้


4. ผล
ผลออกเป็นฝัก มีลักษณะกลมยาว สีขาวอมเขียว ออกเป็นคู่ มีผิวฝักเกลี้ยง หย่อนห้อยลงด้านล่าง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 ซม. ยาว 30-40 ซม. ปลายผลมีลักษณะมนกลม ฝักแก่มีสีเทาน้ำตาล และแตกตามตะเข็บ 2 ซีกซ้าย-ขวา ภายในฝักมีเมล็ดจำนวนมาก รูปทรงบรรทัด ยาวประมาณ 7 มม. มีขนยาวอ่อนนุ่มเป็นกระจุกที่ปลายทั้งสองข้าง สำหรับพยุงลอยตามลม ฝักแห้ง 1 กิโลกรัม จะมีจำนวนฝักประมาณ 260 ฝัก หลังจากดอกบานจะเริ่มติดฝักประมาณเดือนมกราคม และฝักแตกออกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม

เพิ่มเติมจาก : ทวีวรรธน์ แดงมณี, 2548(2)

ประโยชน์ตีนเป็ด/พญาสัตบรรณ
• เป็นไม้ประจำจังหวัดสมุทรสาคร
• นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ไม้มงคล และให้ร่มเงา
• ดอกออกเป็นช่อ สวยงาม และดอกมีกลิ่นหอมแรง
• เนื้อไม้มีสีขาวอมเหลืองเหมาะสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น หีบ โต๊ะ เก้าอี้
• เนื้อไม้ใช้ทำอุปกรณ์หรือไม้ใช้สอย เช่น ไม้จิ้มฟัน ดินสอ ตะเกียบ ฝักมีด ของเล่นเด็ก หีบศพ
• เนื้อไม้มีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับทำทุ่นอวน หรือทุ่นลอยเครื่องจับสัตว์น้ำ

ลักษณะโครงสร้างของเนื้อไม้ (วิรัช และ ดำรง, 2517)(3)
• วงปี เห็นไม่ชัด
• ท่อน้ำ (vessel) ท่อน้ำมีลักษณะกระจัดกระจาย ส่วนใหญ่เป็นท่อน้ำแฝด 2-5 เซลล์ มีท่อน้ำเดี่ยวปนอยู่บ้าง ภายในท่อน้ำบางท่อมีทายโลซิส (tylosis) มีแผ่นเปอร์ฟอเรชั่น (perforation) เป็นแบบรูเดี่ยว
• พาเรนไคมา (parenchyma) มีทั้งแบบติดท่อน้ำ และแบบไม่ติด
• ท่อน้ำ (apotracheal parenchyma) ท่อน้ำเป็นแถบแคบๆ กว้าง 1-4 เซลล์ ภายในเซลล์บางเซลล์จะมีผลึกอยู่
• เส้นใย (fiber)
– ยาวประมาณ 1,630 ไมครอน
– กว้างประมาณ 27 ไมครอน
– ผนังเส้นใยหนาประมาณ 4 ไมครอน


สมบัติทางกายภาพ
เนื้อไม้ตีนเป็ดมีลักษณะเป็นมัน ไม่มีกลิ่น มีรสขม สีขาวอมเหลืองอ่อนถึงน้ำตาลจางๆ น้ำหนักเบา เสี้ยนตรง เนื้อไม้ค่อนข้างละเอียด ไสกบตบแต่งง่าย
– ความชื้น 12%
– ความถ่วงจำเพาะ 0.4
– ความแข็งแรงในการดัด 428 กก./ตร.ซม.
– ความแข็งแรงในการบีบ 311 กก./ตร.ซม.
– ความแข็งแรงในการเชือด 79 กก./ตร.ซม.
– ความดื้อ 55,600 กก./ตร.ซม.
– ความเหนียวจากการเดาะ 1.23 กก.-ม.
– ความแข็ง 207 กก.
– ความทนทานจากการทดลองปักดิน 1.4 (0.8-2) ปี
พอเจอ หน้าอาคาร 3
 แหล่งที่มาhttps://puechkaset.com/%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%94/

ไม่มีความคิดเห็น:

รูปภาพธีมโดย Xaviarnau. ขับเคลื่อนโดย Blogger.