Breaking News
recent

ต้นชาฮกเกี้ยน

ต้นชาฮกเกี้ยน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Carmonaretusa ( Vahl ) Masam.
ชื่อวงศ์ BORAGINACEAE
ชื่ออื่นๆ ชาดัด ใบมัน ,  ชาญวน ชาญี่ปุ่น
ชาฮกเกี้ยน
ต้นชาฮกเกี้ยน เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน แตกกิ่งก้านและใบเป็นทรงพุ่มแน่นทึบ นิยมปลูกเป็นเป็นไม้ดัดหรือตัดแต่งทรงพุ่มเป็นรูปทรงต่างๆ ตามความต้องการ เช่น รูปคน หรือสัตว์ เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
มีลักษณะตั้งตรง เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลแตกเป็นสะเก็ด ต้นที่ยังอ่อนอยู่จะมีสีน้ำตาลปนเทา แตกกิ่งก้านสาขาเป็นทรงพุ่มรูปไข่กว้างประมาณ 1.5 เมตร มีขนาดความสูงของลำต้นประมาณ 2 เมตร
ใบ
ออกเป็นใบเดี่ยวขนาดเล็ก เรียงสลับตรงข้ามกัน โคนใบสอบ ปลายใบมน ขอบใบเรียบ มีขนาดความกว้างประมาณ 2-4 ซม. ยาวประมาณ 2-5 ซม. แผ่นใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบที่ยังอ่อนอยู่จะมีสีเขียวอ่อน ก้านใบยาวประมาณ 0.2-0.6 ซม.
ดอก
ออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบ ในแต่ละช่อจะประกอบไปด้วยดอกย่อยสีขาวขนาดเล็กประมาณ 2-5 ดอก มีกลีบดอก 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดส่วนปลายแยกออกจากกัน มีกลีบเลี้ยงปลายแยกออกจากกัน 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้สีเหลืองจำนวน 4 อัน เกสรตัวเมียสีขาวจำนวน 1 อัน ใต้วงกลีบจะเป็นรังไข่ สามารถทยอยให้ดอกได้ตลอดทั้งปี
ผล
เป็นผลรูปทรงกลม เปลือกผลสีส้มอมแดง ภายในผลมีเมล็ดอยู่เพียง 1 เมล็ด
การขยายพันธุ์
นิยมใช้วิธีการปักชำจากกิ่งที่มีความสมบูรณ์ โดยตัดกิ่งพันธุ์ให้ขาดเพียงครั้งเดียวด้วยกรรไกรที่คมและสะอาดเพื่อป้องกันความบอบช้ำ แล้วใช้แกลบดำบรรจุในถุงเพาะชำ นำกิ่งพันธุ์ปักชำลงไปให้ลึกประมาณ 3-4 นิ้ว รดน้ำพอชุ่ม นำไปวางในที่ร่มรำไร หมั่นรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ หลังจากปักชำไปได้ประมาณ 15-20 วัน กิ่งพันธุ์ก็จะเริ่มแตกใบใหม่และมีราก เมื่อปักชำได้ประมาณ 40 วัน ก็ให้เริ่มย้ายไปปลูกได้
การปลูก
หลุมสำหรับปลูกมักนิยมขุดเป็นทางยาวขนานไปกับแนวรั้วหรือกำแพง แล้วนำต้นชาฮกเกี้ยนที่ต้องการย้ายปลูกวางใกล้ๆ กัน พื้นที่ปลูกควรเป็นบริเวณกลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน
การรดน้ำ
ให้น้ำวันละครั้งในเวลาเช้าหรือเย็น หากในช่วงหน้าแล้งที่ดินแห้งเร็วควรให้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ในช่วงฤดูฝนควรระวังการท่วมขังของน้ำ ไม่ควรรดน้ำในตอนเช้ามืดหรือตอนค่ำเพราะอาจทำให้ติดเชื้อราที่โคนรากได้
การใส่ปุ๋ย
ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักผสมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ในอัตรา 2 กก./1 ช้อนชา โรยข้างแถวปลูกทั้งสองข้างเป็นพื้นที่ยาวประมาณ 1 เมตร พร้อมพรวนดินกลบแล้วรดพอชุ่ม ให้ทำเช่นนี้ประมาณ 2 เดือน/ครั้ง
การตัดแต่งกิ่ง
เมื่อมีการแตกยอดใหม่ออกมาประมาณ 1 คืบ ก็ให้ทำการตัดแต่งทรงพุ่มตามความต้องการ ซึ่งจะทำให้ทรงพุ่มมีความหนาทึบยิ่งขึ้น จะสามารถควบคุมแนวระดับการตัดแต่งได้ง่ายขึ้นหากใช้กรรไกรตัดหญ้าแบบมีด้ามจับ 2 มือ
ประโยชน์
นิยมปลูกเป็นไม้ดัดตกแต่งประดับสวนตามรูปแบบที่ต้องการ และยังนิยมปลูกเป็นแนวรั้วหรือกำแพง เนื่องจากแตกกิ่งก้านและใบเป็นทรงพุ่มทึบหนาแน่นสวยงาม และมีขนาดความสูงของลำต้นที่เหมาะสม
พบเจอหน้าอาคาร 3
แหล่งที่มาhttp://www.vichakaset.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AE%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%99/

ไม่มีความคิดเห็น:

รูปภาพธีมโดย Xaviarnau. ขับเคลื่อนโดย Blogger.